
รถสองคันนัดมาเจอกันที่ปั้มนำมัน ปตท ถนนราชพฤกแถวตลิ่งชันเมื่อเวลาเกือบจะห้าทุ่ม เป็นเวลาดึกไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการเฉลี่ยรถที่ส่วนใหญ่จะออกไปตั้งแต่หัวคำ และจะไปหนาแน่นอีกครั้งตอนเช้ามืด ถึงแม้ว่าจะดึกแล้วแต่ภายในปั้มที่สว่างไสวราวกับกลางวันก็ยังคึกคัก มีรถจอดเกือบเต็มที่จอด ร้านสะดวกซื้อก็เป็นสวรรค์น้อยๆ ของเด็กๆ (รวมทั้งผู้ใหญ่อย่างเราด้วยแหล่ะ) เราซื้อของกิน ของขบเคี้ยว กาแฟเย็นกันง่วงเตรียมพร้อมไว้เป็นเสบียงระหว่างการเดินทาง ผมบอกกับโจ้ว่าคือนี้เราจะใช้เส้นทาง ถนนวงแหวนตะวันตก-บางบัวทอง-สุพรรณบุรี-ชัยนาท แล้วใช้พหลโยธินเข้านครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตรถ์-แพร่ ถึงอำเภอร้องกวางแล้วลัดเข้าอำเภอนาน้อย เพื่อเข้าไปเที่ยวที่ อช.ศรีน่าน "ถ้าโชคดี (มากๆ)เราอาจจะได้ทันเห็นทะเลหมอก"
นี่เป็นครั้งแรกที่มีรถร่วมเดินทางไกลไปด้วยกัน เป็นเรื่องใหม่ที่ต้องเรียนรู้จากประสพการณ์จริง เนื่องจากเราทั้งสองคนไม่เคยใช้เส้นทางนี้มาก่อนเราจึงเลือกที่จะใช้วิธีขับตามกันไป ซึ่งยากหน่อยเพราะรถมากมีโอกาสหลงกันได้ง่ายๆ แต่ก็จะหากันเจอได้ด้วยโทรศัทพ์มือถือ หรือถ้าเราคุ้นเคยกับเส้นทางดีจะใช้วิธีกำหนดจุดนัดพบก่อน แล้วต่างคนต่างไปไม่ต้องคอยพะวงมองหากันก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สะดวกไม่น้อย
จากถนนวงแหวนเลี้ยวซ้ายถนนสาย 340 มุ่งหน้าสู่สุพรรณบุรี รถน้อยคล่องตัวทำความเร็วได้มาก ไฟสว่าง ทางดีเหลือเกิน เป็นสิ่งบอกเหตุว่าเข้าเขตเมืองสุพรรณบุรีแล้ว จากนั้นมุ่งหน้าขึ้น สู่ชัยนาท ถนนเมื่อออกจากตัวเมืองสุพรรณมาสักพักก็เปลี่ยนเป็นสี่เลนส์และเริ่มมีโค้งมาปลุกให้คนขับตื่นตัวกันหน่อย สองโค้ง,สามโค้งยังพอว่าแต่นี่เล่นโค้งตลอด เดี๋ยวโค้งซ้าย โค้งขวา กลับมาโค้งซ้าย แล้วโค้งขวา ผมชักห่วงผู้โดยสารของผมแล้วสิ อ้าว...โค้งซ้ายอีกแล้ว ตามด้วยโค้งขวา แล้วเจอโค้งซ้ายอี๊ก...ยัง...ยังจะโค้งขวาอีกแน๊...โอ้โห...จนจะเข้าตัวเมืองชัยนาทนั่นแหล่ะถึงหมดโค้ง ซึ่งมันก็สายไปเสียแล้ว เพราะรถเราได้รับพิษจากทางโค้งมาเต็มๆ ทำให้ผู้โดยสารทุกคนพากันหลับไหลไปจนหมดสิ้น...
ตั้งแต่ออกจากกรุงเทพมาจราจรไหลลื่นตลอดถึงแม้ว่าโค้งจะเยอะไปบ้าง แต่พอถนนมาบรรจบกับถนนพหลโยธิน เราก็ต้องขับมาพบกับสภาพการจราจรช่วงวันหยุดเทศกาลที่แท้จริง คือรถติดขัดมาตลอดจากชัยนาทจนถึงนครสวรรค์ และพฤติกรรมเดิม ๆ ของคนขับรถก็ถูกงัดออกมาใช้ แซงไหล่ทางพอถึงคอสะพานก็ขอเบียดเข้า จากสามเลนส์เพิ่มเป็นห้าเลนส์ ดูสับสน อลม่านไปหมด และช่วงนี้แหล่ะที่ผมกับโจ้หลงกันจนได้ พี่หลวยกับแฟนผมตื่นมาช่วยโทรตามหานุ้ยถามตำแหน่งกันแล้วนัดพบกันที่ปั้มข้างหน้าที่มีคนและรถจอดกันแน่นปั้มเพื่อผ่อนคลายเปลี่ยนอริยาบทกันก่อนออกไปเผชิญการจราจรที่คับครั่งกันต่อไป...
จากนครสวรรค์ใช้ถนนสาย 117 มุ่งสู่พิษณุโลก การจราจรยังหนาแน่นแต่ก็คล่องตัวมากขึ้น เราแวะปั้มพักยืดเส้นยืดสายที่นี่อีกครั้ง ก่อนเข้าตัวเมืองพษิณุโลกใช้ทางเลี่ยงเมืองขึ้นสู่อุตรดิษถ์ด้วยทางหลวง 11 ซึ่งเป็นถนนที่ตรงและยาว อัดกันได้เต็มที่หน่อย ถนนผ่านทางแยกเข้าเมืองอุตรดิษถ์ไปครู่ใหญ่ ๆ มีปั้มใหญ่ให้แวะพักกันอีกครั้ง มีคนคึกคักดีจัง ออกจากปั้มเมื่อเรีมมีแสงเรืองรองจับขอบฟ้า สักพักเดียวถนนก็เริ่มพาเราขึ้นเขาและเปลี่ยนเป็นสองเลนส์สวนกัน สองข้างทางเป็นป่ารกทึบเป็นเงาทมึนอยู่ในความสลัว เวลานี้แม้ว่าดวงตะวันยังไม่โพล่ขึ้นมาแต่ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น บรรดารถชนิดต่าง ๆ ถูกถนนบังคับให้ต้องเข้าแถวเรียงหนึ่งขับตามกันเป็นขบวน ๆ และเมื่อมีจังหวะที่ไม่มีรถสวนและ ก็จะแซงกันเป็นช่วง ๆ เมื่อผ่านบ้าน ไฮ้ฮ้า มารถผมเกิดฝ้าที่กระจกรอบคันเลย คราวนนี้มันค่อย ๆ เป็นด้านในรถและยังพอมองเห็นทางได้อยู่ ต่างจากที่เคยเจอที่ภูเรือ ตอนนั้นเป็นฝ้าด้านนอกรถเป็นแบบกระทันหันมาก มองไม่เห็นทางเลย...ตกใจซิครับ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นด้านนอกรถก็เพียงแค่เปิดที่ปัดนำฝนก็เรียบร้อย ครั้งนี้เป็นภายในรถก็ต้องอาศัยคนนั่งข้าง ๆ ช่วยเหลือคอยเช็ดให้ เพราะผมไม่มีความสามารถพอที่จะขับไปเช็ดไป ในขณะที่รถอยู่ในขบวนแถวยาว และยังเป็นทางโค้งไปมาตลอด ดีที่เราเตรียมผ้าเช็ดกระจกๆไว้ในรถตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง...........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น